เตรียมตัวอย่างไร เมื่อ Windows 7 จะหมดอายุ

ไมโครซอฟท์ประกาศเปิดตัว Widnows 7 เมื่อวันที่ 22 กรกฏาคม 2552 นับถึงปัจจุบันก็เกือบจะ 10 ปีแล้ว
ในช่วงระยะที่ผ่านมาแม้ว่าไมโครซอฟท์จะออกวินโดวส์เวอร์ชั่นใหม่มาอีก ถึง 3 เวอร์ชั่น ได้แก่ Windows 8, Windows 8.1 และ Windows 10 โดยเฉพาะอย่างยิ่ง windows 10 ที่ทั้งเชิญชวนให้อัปเกรดฟรี ทั้งยัดเยียดให้อัปเกรดฟรี ก็ไม่อาจจะสร้างความนิยมให้ทิ้งห่าง Windows 7 ได้
ข้อมูลจาก netmarketshare.com (กุมภาพันธ์ 2562) ระบุว่ายังมีคอมพิวเตอร์ที่ใช้ windows 7 อยู่ถึง 37.47 % ขณะที่คอมพิวเตอร์ที่ใช้ Windows 10 มี 40.13% ย่อมชี้ชัดถึงความนิยมใช้ Windows 7 ได้เป็นอย่างดี

งานเลี้ยงไม่ว่าจะกร่อยหรือสนุกแค่ไหน ก็ย่อมมีวันเลิกรา Windows 7 ก็เหมือนกัน หลายคนคงได้ผ่านหูผ่านตาเกี่ยวกับข่าวที่ไมโครซอฟท์ประกาศว่าจะยุติการใช้บริการ Windows 7 ในวันที่ 14 มกราคม 2563  นับจากวันนี้ (มีนาคม 2562) ก็เหลือเวลาอีกไม่ถึง 1 ปี เราในฐานะคนใช้งานต้องรู้และเตรียมตัวอย่างไรบ้างก่อนวันนั้นมาถึง

ทำความเข้าใจคำว่า Windows 7 หมดอายุ

คำว่า หมดอายุ ในความหมายถึงพูดถึงกัน ไม่ได้หมายความว่า ในเช้าวันที่ 15 มกราคม 2563 คอมพิวเตอร์ที่เราติดตั้ง Windows 7 ไว้จะเปิดมาแล้วใช้อะไรไม่ได้เลย  Windows 7 จะหายไปเหลือแต่ความว่างเปล่า 555+… ไม่ใช่อย่างนั้นแน่นอน
คำว่า หมดอายุ ที่ว่าหมายถึงไมโครซอฟท์จะไม่บริการดูแลลูกค้าที่ใช้ Windows 7 อีกต่อไป ไม่ให้บริการปรึกษาแก้ปัญหา ไม่ออกโปรแกรมเสริมเพื่อเพิ่มความปลอดภัยจากไวรัสต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้น

ทางเลือกที่หนึ่ง เมื่อ Windows 7 หมดอายุ

ใช้คอมพิวเตอร์ที่ติดตั้ง Windows 7 ได้ต่อไปจนกว่าคอมพิวเตอร์จะเสีย หรือวินโดวส์ล่ม แม้กระทั่งคอมพิวเตอร์เสียไปแล้ว หากซื้อคอมพิวเตอร์มาใหม่ ก็ยังสามารถติดตั้ง Windows 7 ใช้ได้อีกเหมือนเดิม (หากสามารถหาฮาร์ดแวร์ที่รองรับ Windows 7 ได้)
แต่ต้องระมัดระวังพิเศษในการใช้ Windows 7 เพื่อใช้งานอินเตอร์เน็ต เพราะจะมีความปลอดภัยน้อยลง เปรียบได้กับคนที่สุขภาพอ่อนแอ (วินโดวส์ที่ไม่ได้รับการอัปเดด) ออกไปเตร็ดเตร่ในชุมชน ก็อาจติดโรคได้ง่ายกว่าคนแข็งแรง (วินโดวส์ที่ได้รับการอัปเดด)

ทางเลือกที่สอง เมื่อ Windows 7 หมดอายุ

อัปเกรดวินโดวส์ให้เป็นปัจจุบัน นั่นคือ Windows 10 แม้ว่าระหว่าง Windows 7 กับ Windows 10 จะมีวินโดวส์เวอร์ชั่นอื่นมาขั้นกลาง แต่ก็ไม่ได้มีอุปสรรคใด ๆ ในการอัปเกรดจาก Windows 7 มายัง Windows 10 ทั้งนี้เพราะความต้องการด้านฮาร์ดแวร์ของ Windows 7 กับ Windows 10 แทบไม่ต่างกัน  และเมื่อเราอัปเกรดจาก Windows 7 มาเป็น Winodws 10 เราก็ยังสามารถใช้โปแกรมต่าง ๆ ที่เคยติดตั้งอยู่บน Windows 7 ไม่ต้องติดตั้งใหม่อีกรอบ

  • ความต้องการด้านฮาร์ดแวร์ของ Windows 10
    – CPU ขั้นต่ำความเร็ว 1 GHz
    – Memroy 1GB RAM (32-bit) และ 2GB RAM (64-bit)
    – VGA รองรับความละเอียด 800×600
  • แม้ Windows 10 ไม่ได้ต้องการฮาร์ดแวร์ที่สูงมากนัก แต่การเลือกวิธีอัปเกรดต้องคำนึงด้วยว่า ฮาร์ดแวร์ที่เรามีอยู่ มีไดรเวอร์ที่รองรับ Windows 10 หรือไม่

ทางเลือกที่สาม เมื่อ Windows 7 หมดอายุ

ทางเลือกนี้แม้ดูจะโหดร้ายสำหรับผู้มีงบน้อย แต่คงหลีกเลี่ยงไม่พ้น นั่นคือ ซื้อฮาร์ดแวร์ใหม่และติดตั้ง Windows 10 ทางเลือกนี้คงเป็นทางเลือกสำหรับผู้ใช้ Windows 7 บนฮาร์ดแวร์เก่ามากแล้ว ไม่สามารถอัปเกรดได้นั่นเอง

ไม่ว่าเทคโนโลยีด้านฮาร์ดแวร์จะก้าวหน้าไปเพียงไหน ไม่ว่าเทคโนโลยีด้านซอฟท์แวร์จะรุดหน้าไปเพียงใด หากสิ่งที่เรามีอยู่ตอบสนองงานของเราได้ดีอยู่แล้ว ก็ใช้ไปเถอะครับ ขอให้เราเรียนรู้เพื่อใช้เทคโนโลยี อย่าให้เทคโนโลยีใช้เรา(ให้เสียเงินเพิ่ม) สวัสดีครับ.