เซ็ตให้ Windows ลบไฟล์ขยะและไฟล์จากถังขยะอัตโนมัติ

เวลาผมไปตรวจเช็คคอมพิวเตอร์ในที่ต่าง ๆ บางครั้ง  สิ่งที่ได้พบเจอเป็นประจำคือ ถังขะ (Recycle Bin) มีไฟล์ที่ลบแล้วค้างอยู่เป็นจำนวนมาก และถูกย้ายมาอยู่ในถังขยะนานแล้วด้วย  ทำให้เปลืองพื้นที่ใช้งานบนฮาร์ดดิสก์ไปโดยเปล่าประโยชน์  บางทีผู้ใช้งานก็ไม่รู้ คิดว่ามันจะหายไปเอง  บทความนี้ เราจะมาดูวิธีตั้งค่าให้คอมพิวเตอร์ ลบไฟล์ที่เราไม่ต้องการอัตโนมัติ (คุณสมบัตินี้ มีใน Windows 10 เท่านั้น)

1. คลิ๊กที่ Start Menu แล้วเลือก Settings

2. คลิ๊ก System

3. คลิ๊กที่ Storage  ภายใต้หัวข้อ Storage Sense คลิ๊กเพื่อเป็นจาก Off ให้เป็น On

4. หัวข้อ Storage Sense คลิ๊กเพื่อเปลี่ยนจาก Off ให้เป็น On  แล้วเลือก  Change how we free up space automatically เพื่อปรับเปลี่ยนรูปแบบการลบไฟล์ขยะให้ตรงกับความต้องการ

5. คลิ๊ก เพื่อเลือกเวลาที่จะให้ Storage Sense ทำการลบไฟล์ขยะอัตโนมัติ เมื่อระบบเช็คได้ว่าฮาร์ดดิสก์เริ่มจะเต็ม
• Every day : ทำงานทุกวัน
• Every week : ทำงานสัปดาห์ละหนึ่งครั้ง
• Every month : ทำงานเดือนละหนึ่งครัั้ง
• When windows decides : ทำงานเมื่อระบบวินโดวส์เห็นสมควรว่าควรทำ

 

6. ติ๊กเครื่องหมาย ✔️  เพื่อให้ระบบลบ Temp Files ที่โปรแกรมไม่ได้ใช้อัตโนมัติ

7. คลิ๊ก   เพื่อเลือกรูปแบบที่จะให้ Storage Sense ลบไฟล์ใน Recycle Bin
• Never : ไม่ต้องลบ (ถ้าเลือกหัวข้อนี้ เราต้องลบไฟล์ในถังขยะเอง)
• 1 Day : ลบไฟล์ที่อยู่ในถังขยะเกิน 1 วัน
• 14 Days : ลบไฟล์ที่อยู่ในถังขยะเกิน 14 วัน

     ⇨ 30 Days : ลบไฟล์ที่อยู่ในถังขยะเกิน 30 วัน
     ⇨ 60 Days : ลบไฟล์ที่อยู่ในถังขยะเกิน 60วัน

8. คลิ๊ก  เพื่อเลือกรูปแบบการลบไฟล์ในโฟลเดอร์ Downloads (ถ้าเลือกให้ระบบลบไฟล์อัตโนมัติ เมื่อดาวน์โหลดไฟล์หรือโปรแกรมที่จำเป็นต้องใช้ ควรย้ายไปเก็บไว้ในโฟลเดอร์อื่น)
• Never : ไม่ต้องลบ
• 1 Day : ลบไฟล์ที่อยู่ในโฟลเดอร์ Downlaod เกิน 1 วัน
• 14 Days : ลบไฟล์ที่อยู่ในโฟลเดอร์ Downlaod เกิน 14 วัน

     ⇨ 30 Days : ลบไฟล์ที่อยู่ในโฟลเดอร์ Downlaod เกิน 30 วัน
     ⇨ 60 Days : ลบไฟล์ที่อยู่ในโฟลเดอร์ Downlaod เกิน 60วัน

9. คลิ๊ก Clean now ถ้าต้องการให้ระบบลบไฟล์ขยะ ตามการตั้งค่าข้างต้นทันที